“So What” นำพาผู้ฟังสู่โลกแห่งการจิ้มลิ้น และซิงโครนิเซชันอันไพเราะ

blog 2024-12-29 0Browse 0
 “So What” นำพาผู้ฟังสู่โลกแห่งการจิ้มลิ้น และซิงโครนิเซชันอันไพเราะ

“So What” จากอัลบั้ม “Kind of Blue” ของ Miles Davis ถือเป็นหนึ่งในผลงานดนตรีแจ๊สที่โด่งดังและทรงอิทธิพลที่สุดตลอดกาล เพลงนี้ซึ่งแต่งโดย Miles Davis เอง นำเสนอสุนทรียภาพของการจิ้มลิ้น (milking) บนเครื่องแซ็กโซโฟน และซิงโครนิเซชันอันไพเราะของเครื่องดนตรี

“So What” เป็นตัวอย่างของ “modal jazz” แนวเพลงแจ๊สที่เน้นเสียง (mode) มากกว่าคอร์ด เพลงนี้ใช้เพียงสองเสียงหลัก คือ D Dorian และ Eb Dorian ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกกว้างใหญ่และอิสระ

Miles Davis เปลี่ยนแปลงทิศทางของดนตรีแจ๊สอย่างสิ้นเชิงด้วยอัลบั้ม “Kind of Blue” ก่อนหน้าการบันทึกอัลบั้มนี้ Jazz มักจะเน้น improvisation บนคอร์ด (chord changes) แต่ Miles Davis เลือกที่จะใช้ modal approach ซึ่งให้พื้นที่สำหรับนักดนตรีในการ improvise อย่างอิสระและสร้างสรรค์มากขึ้น

“So What” เป็นเพลง instrumental ที่ไม่มีเนื้อร้อง ความงามของเพลงนี้มาจากการเล่นของนักดนตรีทั้งห้า:

  • Miles Davis: แตร (Trumpet)
  • John Coltrane: แซ็กโซโฟนเทเนอร์ (Tenor Saxophone)
  • Cannonball Adderley: แซ็กโซโฟนอัลโต (Alto Saxophone)
  • Bill Evans: เปียโน (Piano)
  • Paul Chambers: เบส (Bass)

Miles Davis เล่นแตรด้วยการจิ้มลิ้น (milking) ซึ่งเป็นเทคนิคที่เขาใช้อย่างชาญฉลาดเพื่อสร้างเสียงที่ไพเราะและติดหู John Coltrane เล่นแซ็กโซโฟนเทเนอร์อย่างรุนแรงและมีพลัง Cannonball Adderley นำเสนอเมโลดีที่สดใสและเป็นมิตร

Bill Evans เปียโนของ Bill Evans มีความอ่อนโยนและ tinh tế Paul Chambers เล่นเบสอย่างหนักแน่น และมั่นคง สร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้กับเพลง

การวิเคราะห์ดนตรี:

“So What” แบ่งออกเป็นสามส่วน:

  • ส่วนที่ 1:

    • เปิดด้วยเมโลดีของ Miles Davis ที่ชวนให้นึกถึงความรู้สึกสงบและเงียบสงัด
    • John Coltrane และ Cannonball Adderley เข้าร่วมการ improvisation อย่างต่อเนื่อง และสร้าง layer ของเสียงที่ซับซ้อน
  • ส่วนที่ 2:

    • เปลี่ยนไปใช้ D Dorian ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกสดใสขึ้น
    • นักดนตรีทุกคนเล่น solos ที่ยาวและน่าประทับใจ Bill Evans เล่นเปียโน improvisation ที่ไพเราะอย่างมาก
  • ส่วนที่ 3:

    • กลับมาใช้ Eb Dorian และจบลงด้วย improvisations ที่ทรงพลังของ John Coltrane

ความสำคัญของ “So What”:

“So What” เป็นหนึ่งในเพลงแจ๊สที่ได้รับการยกย่องสูงสุดตลอดกาล มันเปลี่ยนแปลงทิศทางของดนตรีแจ๊สไปสู่แนว modal jazz และเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักดนตรีแจ๊สรุ่นต่อมาอย่างมากมาย

ตารางเปรียบเทียบรูปแบบดนตรีใน “So What” กับเพลงแจ๊สแบบดั้งเดิม:

คุณลักษณะ Modal Jazz (So What) Tradtional Jazz
โครงสร้างคอร์ด ใช้เสียง (mode) แทนคอร์ด เน้นการเปลี่ยนแปลงคอร์ด (chord changes)
Improvisation มีอิสระและมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น มักจะ improvisation บนคอร์ดที่กำหนดไว้
เสียง กว้างใหญ่และอิสระ มักจะมีความกระชับและมีรูปแบบที่แน่นอน

“So What” เป็นเพลงแจ๊สที่ควรค่าแก่การฟังอย่างยิ่ง มันแสดงให้เห็นถึงความสามารถของ Miles Davis และนักดนตรีร่วมวงในการสร้างสรรค์ดนตรีแจ๊สที่สวยงามและล้ำสมัย

TAGS